หนองในเทียม Chlamydia Trachomatis

Posted by

หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากในกลุ่มวัยรุ่น สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ส่วนมากติดต่อกันจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อสามารถแพร่ติดต่อได้หลายทาง เช่น ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก ทางปาก รวมไปถึงการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหนองในเทียมไม่สามารถติดต่อผ่านการจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อม การใช้สระว่ายน้ำ การใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วย

หนองในเทียมมีอาการอย่างไร ?

หนองในเทียมอาการในช่วงแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการให้พบเห็นได้ชัดเจน แต่หลังได้รับเชื้อแล้วในระยะเวลา 1-3 สัปดาห์ จะแสดงอาการแตกต่างกันออกไป ดังนี้

ในเพศชาย

  • ปวดหรือบวม ที่ลูกอัณฑะ
  • เจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
  • มีมูกใสหรือขุ่น ไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ
  • มีอาการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ

ในเพศหญิง

  • มีตกขาวมากกว่าปกติ และมีกลิ่นเหม็น
  • เจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศ ขณะปัสสาวะ
  • คันหรือแสบร้อน บริเวณรอบอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์

การวินิจฉัยหนองในเทียม

การวินิจ ฉัย หนองในเทียม

หนองในเทียมวินิจฉัยได้ โดยการเก็บสารคัดหลั่งจากตำแหน่งที่ต้องการตรวจเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ตัวอย่างสารคัดหลั่งที่เก็บ เช่น ปัสสาวะ สารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะเพศชาย หรือสารคัดหลั่งจากปากมดลูก นำมาย้อมสไลด์ดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ แต่ในเพศหญิงนั้นมักจะตรวจพบได้ยาก เพราะมักไม่แสดงอาการ ไม่มีหนองออกมา ก็สามารถตรวจด้วยเทคนิค PCR ซึ่งตรวจได้ทั้งจากหนองและปัสสาวะ

หนองในเทียม หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร ?

  • หนองในเทียม
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis 
    • มีระยะการฟักตัวของโรค มากกว่า 10 วันขึ้นไป นานกว่าโรคหนองในแท้
  • หนองในแท้ 
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea
    • มีระยะการฟักตัวประมาณ 1 – 10 วัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการฟักตัวภายใน 5 วัน

หนองในเทียมป้องกันได้อย่างไร

การป้องกันหนองในเทียม คือการลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ โดยเฉพาะจากการมีเพศสัมพันธ์ ตามวิธีดังต่อไปนี้

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยการใช้เซ็กซ์ทอย (sex toy) ร่วมกัน
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มี มูกหรือหนอง ไหลออกจากอวัยวะเพศ
  • ตรวจคัดกรองหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

การรักษาหนองในเทียม

การ รักษา หนองในเทียม

หนองในเทียมสามารถรักษาได้ โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของแบคทีเรีย คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) กลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาหนองในเทียม ได้แก่

  • กลุ่มยาเพนิซิลลิน (Penicillins)
  • กลุ่มยาแมคโครไลด์ (Macrolides)
  • กลุ่มยาเตตราไซคลิน (Tetracyclines)

ขอบคุณข้อมูล : Pobpad

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็น “หนองในเทียม” ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว หากพบว่าเป็นหนองในเทียมจริง ก็จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนโรค นอกจากนี้ควรแนะนำให้คู่นอนเข้ารับการตรวจและรักษาที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน