ความจริงแล้วถ้าคุณ อยากตรวจเอชไอวี ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยในปัจจุบัน เพราะสถานพยาบาลเกือบทุกที่ก็สามารถเจาะเลือดตรวจหาเชื้อได้เหมือนกันทั้งนั้น แต่การเลือกสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณจะได้รับการบริการที่ครบถ้วนมากกว่าสถานพยาบาลอื่นทั่วไป เพราะในขั้นตอนการตรวจเอชไอวี จำเป็นต้องมีการพูดคุยกับแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง วันนี้ เรามีข้อแนะนำดีๆ สำหรับผู้ที่ อยากตรวจเอชไอวี มาฝากกันครับ
อยากตรวจเอชไอวี ต้องรู้อะไรบ้าง
รู้จักโรคเอดส์และไวรัสเอชไอวี
เชื้อไวรัสเอชไอวี หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Human Immunodeficiency Virus (HIV) เป็นไวรัสชนิดที่สามารถส่งต่อเชื้อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ผ่านทางเลือด ทางเพศสัมพันธ์ และจากมารดาที่มีเชื้ออยู่แล้วสู่ลูกน้อยในครรภ์ เมื่อไวรัสเอชไอวีเข้ามาในร่างกายแล้ว จะเกิดการแพร่กระจายผ่านเม็ดเลือดขาวไปตามอวัยวะต่างๆ มุ่งเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว (CD4) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกันถูกเชื้อบ่อนทำลาย ก็จะทำให้ร่างกายผู้ติดเชื้ออ่อนแอ จนเกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า “โรคฉวยโอกาส”
รู้จักว่าเอดส์และไวรัสเอชไอวีแตกต่างกัน
ความแตกต่างระหว่าง ไวรัสเอชไอวีและเอดส์นั้น อธิบายได้ง่ายๆ ว่า เอชไอวี เป็นเชื้อไวรัส ส่วนเอดส์หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Acquired Immune Deficiency Syndrome (AIDS) เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเอดส์เสมอไป หากได้รับการรักษาด้วยการทานยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะมีสุขภาพที่แข็งแรงดี แต่หากติดเชื้อเอชไอวี และไม่ได้เข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา หรือไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองติดเชื้อ ระยะดำเนินของโรคจะใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปีเลยทีเดียวก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเอดส์ แต่ผู้ที่ตรวจพบเชื้อในเลือดแล้ว ก็จะสามารถแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้ แม้จะยังไม่มีอาการใดๆ ก็ตาม

รู้จักช่องทางการติดต่อของเอชไอวี
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น
- ไม่สวมถุงยางอนามัย เวลาที่มีเพศสัมพันธ์
- รับเลือดมาจากการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด
- การติดต่อผ่านแม่สู่ลูก (พบได้น้อยในปัจจุบัน)
อยากตรวจเอชไอวี ต้องรู้จักระยะฟักตัว (Window Period)
กล่าวคือ ถ้าคุณเสี่ยงรับเชื้อเอชไอวีมาวันนี้ ยังไม่สามารถตรวจเจอเชื้อได้อย่างแน่นอน เพราะไวรัสเอชไอวีจะไม่ได้แสดงตัวในทันทีที่ร่างกายรับเชื้อเข้าไป ดังนั้น การตรวจเลือดจะต้องรอไปสักระยะ หรือให้พ้นระยะฟักตัวไปก่อน ซึ่งในปัจจุบันจะยึดตามรูปแบบของวิธีการตรวจที่มีตั้งแต่หลังเสี่ยง 5-7 วัน ด้วยการตรวจแบบแนท (NAT) 14 วันขึ้นไปด้วยการตรวจน้ำยา 4th Generation หรือเสี่ยงมามากกว่า 30 วันขึ้นไปจะใช้วิธีการตรวจแบบ ANTI-HIV ซึ่งระยะที่ 1 เดือนจะให้ผลค่อนข้างแม่นยำที่สุดในการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
อยากตรวจเอชไอวี ต้องรู้จักระยะของการติดเชื้อ
ระยะแรกเริ่ม
การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ในช่วงแรกปริมาณเชื้อจะยังไม่มาก และร่างกายก็ยังไม่ได้สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อทันที การตรวจหาเชื้อในระยะนี้อาจจะยังไม่พบ ซึ่งอาการที่อาจพบได้ว่าคุณติดเอชไอวีแล้วจะค่อนข้างคล้ายกับโรคอื่นๆ ทั่วไป หากไม่ได้สังเกตก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นเพราะไวรัสเอชไอวี โดยจะเป็นตั้งแต่หลังติดเชื้อประมาณ 2-12 สัปดาห์ ได้แก่
- มีอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว
- มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว น้ำหนักลด
- มีอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัดทั่วไปหรือไข้หวัดใหญ่
- อาการเหล่านี้ มักจะหายไปได้เองประมาณ 1-2 สัปดาห์
ระยะติดเชื้อเอชไอวี แบบไม่มีอาการ
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี จะมีสุขภาพที่ดีเหมือนกับคนทั่วไป แต่เมื่อใดที่ได้เจาะเลือดตรวจก็จะพบเชื้อเอชไอวีอย่างแน่นอน จึงสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ เรียกว่าเป็น “ระยะพาหะ” ที่แม้ว่าจะไม่มีอาการแต่ไวรัสเอชไอวีจะค่อยๆ แบ่งตัวเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ และทำลายระบบภูมิคุ้มกันโรค จนมีจำนวนลดลง เมื่อลดต่ำลงมากๆ จึงจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ อัตราการลดลงของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ความรุนแรงของเชื้อและสุขภาพพื้นฐานของผู้ติดเชื้อเอง ส่วนใหญ่ประมาณ 80% มักจะคงอยู่ในระยะพาหะนี้ประมาณ 5-10 ปี
ระยะติดเชื้อเอชไอวี แบบมีอาการ
- เริ่มจากอาการเล็กน้อย อย่างต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- ตรวจพบเชื้อราที่เล็บ เชื้อราในช่องปาก หรือช่องคลอด
- มีแผลร้อนในในช่องปาก ฝ้าขาวข้างลิ้น
- เป็นโรคสะเก็ดเงิน งูสวัด ผิวหนังอักเสบ
- ท้องเสียบ่อยหรือเรื้อรังนานเกิน 1 เดือน น้ำหนักลด
- เกิดเริมที่ริมฝีปาก หรืออวัยวะเพศ
- มีไข้เป็นๆ หายๆ หรือติดต่อกันนานเกิน 1 เดือน
- ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
- ปอดอักเสบจากแบคทีเรีย
ระยะเอดส์
ระยะนี้ ระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายจะถูกทำลายไปจนเกือบหมดสิ้น ถ้าตรวจระดับ CD4 จะพบว่ามีจำนวนต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ เข้ามาแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น
- ไวรัส
- แบคทีเรีย
- เชื้อรา
- โปรโตซัว
- วัณโรค
เกิดเป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งส่วนใหญ่จะมีกระบวนการ การรักษาค่อนข้างยากและมีอาการดังนี้
- มีไข้เรื้อรังติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน
- ไอเรื้อรัง หรือหายใจหอบเหนื่อย จากวัณโรคปอด หรือปอดอักเสบ
- ท้องเสียเรื้อรังจากเชื้อราหรือโปรโตซัว
- น้ำหนักลด รูปร่างผอมแห้ง อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก
- สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด
- มีตกขาวผิดปกติบ่อยในเพศหญิง
- มีผื่นคันตามผิวหนัง ซีด มีจุดแดงจ้ำเขียวหรือเลือดออกจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- สับสน ความจำเสื่อม หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ พฤติกรรมผิดแปลกจากเดิม
- ปวดศีรษะชนิดรุนแรง มีอาการชัก หรือหมดสติจากการติดเชื้อในสมอง
- มีอาการของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งผนังหลอดเลือด มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสมอง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก เป็นต้น
ขั้นตอนในการตรวจเอชไอวีในปัจจุบัน
- เลือกสถานพยาบาลที่ต้องการไปตรวจ และแจ้งความประสงค์ในการตรวจเอชไอวี
- แสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการลงทะเบียนและให้คิวตรวจ
- ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนการเจาะเลือดตรวจเอชไอวี
- แพทย์จะทำการซักประวัติความเสี่ยงก่อนตรวจเลือด เพื่อพิจารณาว่าคุณควรตรวจเลือดด้วยวิธีไหน พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับเอชไอวี ผลตรวจ และหากติดเชื้อจะต้องทำอย่างไร
- ใช้ระยะเวลาในการตรวจประมาณ 30-60 นาทีขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล
- รอฟังผลเลือดที่ส่วนใหญ่แล้วจะรู้ผลได้ในวันเดียว จึงไม่จำเป็นต้องลางานหรือขาดเรียน
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถตรวจเอชไอวีได้ฟรี โดยไม่ต้องมีพ่อแม่มาเซ็นใบยินยอม
อยากตรวจเอชไอวี แบบฟรี ต้องไปที่ไหน?
ด้วยปัญหาโรคเอดส์ที่รัฐบาลไทยต้องการยุติลงให้ได้ในเร็ววัน จึงมีสวัสดิการให้สิทธิคนไทยทุกคนตรวจคัดกรองเพื่อหาเชื้อไวรัสเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลในระบบประกันสุขภาพ หรือโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้คนที่ อยากตรวจเอชไอวี ตัดสินใจไปตรวจได้ง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชนต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยคุณสามารถโทรไปสอบถามเพิ่มเติมที่ สายด่วน สปสช. 1330 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรที่เกี่ยวกับเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เปิดให้บริการตรวจเลือดฟรี กับประชาชนทั่วไปที่มีความเสี่ยงด้วย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ข้อดีของการตรวจเอชไอวี
- คลายความกังวลใจว่าจะติดหรือไม่ติดเชื้อ เพราะคุณกล้าออกมาตรวจ ออกมาเผชิญความจริง
- หากตรวจแล้ว พบว่าติดเชื้อเอชไอวีขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวล คุณสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้แสดงอาการ หรือเกิดโรคแทรกซ้อน
- ทำให้สุขภาพทางเพศของคุณได้รับการดูแลจากแพทย์ และมีสุขภาพที่ดี
- ได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสเอชไอวี โรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ทำให้สามารถวางแผนการดำเนินชีวิตต่อไปได้ หากติดเชื้อก็จะได้รักษา หากไม่ติดเชื้อก็จะได้ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยได้ตลอดไป
สรุปได้ว่า ผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี ย่อมทำได้ทุกเมื่อหลังพ้นระยะฟักตัวจากความเสี่ยงที่ได้ผ่านมาแล้ว และสถานพยาบาลทุกที่สามารถเชื่อถือในผลตรวจได้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ขอให้คุณเลือกที่ที่เดินทางสะดวก หรือเลือกบริการของสถานพยาบาลที่คุณพึงพอใจได้เลย เพราะข้อมูลการตรวจเลือดไม่ว่าจะเป็นเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ตามกฎและจรรยาบรรณของแพทย์พยาบาล และไม่ต้องกังวลว่าใครจะล่วงรู้ได้ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ อย่ามัวแต่เขินอาย และรีบไปตรวจเอชไอวีกันดีกว่านะครับ