ไวรัสตับอักเสบซี | Hepatitis C
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus: HCV) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิด ซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี การถ่ายทอดจากมารดาไปสู่ทารกพบได้น้อยมาก ส่วนการดื่มน้ำโดยใช้แก้วร่วมกัน การจูบกอด การสัมผัสร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาก็จะกลายเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตในที่สุด
การติดต่อของ ไวรัสตับอักเสบซี
- ผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน
- ผ่านเลือด หรือสัมผัสถูกบาดแผล
- ผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ผ่านการสัก เจาะหู หรือฝังเข็ม ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม
อาการ ไวรัสตับอักเสบซี

อาการของไวรัสตับอักเสบจากเชื้อไวรัส จะมีอาการคล้ายๆ กัน คือ
- ดีซ่าน
- ตัวเหลือง
- ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- อ่อนเพลีย
- ปวดชายโครงขวา
- ตับม้ามโต
โดยทั่วไปผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่หลังติดเชื้อแล้ว จะไม่มีอาการอะไรเลย ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีโรคอันตรายซ่อนแฝงอยู่ถ้าไม่ได้ตรวจเลือด ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีประมาณ 15-20% อาจหายจากโรคได้เอง แต่ส่วนใหญ่ 75-85% จะเป็นเรื้อรัง ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาก็จะกลายเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตในที่สุด
การวินิจฉัย ไวรัสตับอักเสบซี
แพทย์จะทำการตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี หากตรวจพบเชื้อแพทย์ก็จะส่งตรวจทำอัลตราซาวนด์ตับ เพื่อดูว่ามีร่องรอยของตับแข็งหรือมะเร็งตับหรือไม่ ในกรณีที่ผลของอัลตราซาวนด์ยังไม่ชัดเจน แพทย์ก็จะส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพิ่มเติม สำหรับในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจชิ้นเนื้อตับโดยใช้เข็มขนาดเล็กเข้าไปตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อตับมาตรวจดูทางพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นการตรวจวิเคราะห์โรคที่แม่นยำอีกวิธีหนึ่งก่อนทำการรักษา
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการติด ไวรัสตับอักเสบซี
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนอยู่บ่อยครั้ง
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ผู้ที่เคยได้รับเลือดและ/หรือรับบริจาคอวัยวะก่อนปี พ.ศ. 2535
- ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังที่จำเป็นต้องได้รับการฟอกไตเป็นประจำ
- ผู้ที่มีมารดาเป็นผู้ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง
- ผู้ที่มีค่าเอนไซม์ของตับผิดปกติ
- ผู้ที่สัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบซี
การป้องกัน ไวรัสตับอักเสบซี
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- สวมถุงมือทุกครั้งถ้าต้องสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง
- ไม่ใช้มีดโกนหนวดร่วมกับผู้อื่น
- ไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น
การรักษา ไวรัสตับอักเสบซี

ไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาให้หายได้โดยการรับประทานยาร่วมกับยาฉีด โดยแพทย์จะพิจารณาตามระยะอาการของโรคในการรักษา หากตรวจพบเจอและรักษาตั่งแต่เนิ่นๆ สามารถกำจัดเชื้อให้หายขาดอย่างถาวร และช่วยป้องกันไม่ให้เข้าสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับ
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็น ไวรัสตับอักเสบซี
- ทำจิตใจให้สบาย อย่าวิตกกังวลหรือมีความเครียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่เหมาะสม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรหักโหม
- งดบริจาคเลือด อวัยวะ หรือน้ำอสุจิ
- หลีกเลี่ยงการใช้แปรงสีฟัน และของมีคมร่วมกับผู้อื่น
- งดใช้สารเสพติดทุกชนิด
- ตรวจเลือดเป็นระยะๆ (ทุก 3-6 เดือน) ตามที่แพทย์นัด เพื่อเฝ้าดูการดำเนินของโรค
ขอบคุณข้อมูล : samitivejhospitals, bumrungrad
อ่านบทความที่น่าสนใจ
- โรคเอดส์ | Acquired Immune Deficiency Syndrome : AIDS
- ซิฟิลิส : สาเหตุ การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกัน
ไวรัสตับอักเสบซี เมื่อเข้าสู่ร่างกาย อาการจะไม่รุนแรง ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้รับเชื้อไม่ทราบว่าตนเองเริ่มมีอาการตับอักเสบ ถ้าปล่อยไว้จะเข้าสู่ระยะตับแข็ง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดมะเร็งตับได้ ดังนั้นควรตรวจคัดกรองหาไวรัสตับอักเสบซี เป็นประจำ หรือทุกครั้งที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ