หากกล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีทั้งในต่างประเทศและประเทศไทยเอง หลายคนอาจไม่ทราบว่าเป็นหนึ่งในโรคที่ถูกค้นพบได้ไม่นานนัก จากการบันทึกพบเมื่อ ปี 2524 ซึ่งผ่านมาเพียง 40 ปีเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงความรุนแรงและแนวทางการรักษารวมถึงการป้องกันที่ถูกต้อง ด้วยสาเหตุของการติดต่อของเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งจากสถิติผู้ป่วยทั่วโลกมักพบได้ในชายรักชาย จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อแง่มุมประเด็นนี้ในทางที่ไม่ถูกต้องเท่าใดนัก ส่งผลต่อการเลือกปฏิบัติของคนในสังคมตลอดจนคนใกล้ชิด และนำไปสู่การตัดสินใจไม่เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ทำให้ไม่สามารถการควบคุมการแพร่เชื้อเอชไอวีได้อย่างเหมาะสม
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้วงการแพทย์ได้คิดค้นแนวทางการรักษา การป้องกันและการตรวจหาเชื้อเอชไอวี เพื่อยุติการติดต่อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยแต่ละประเทศจะมีการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ในแต่ละปี พร้อมกับวางเป้าหมายในการลดอัตราผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้นอยู่แล้ว ทั้งนี้การพัฒนาด้านเทคโนโลยีการแพทย์ได้ก้าวล้ำสู่ยุคสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น แม้จะยังไม่สามารถคิดค้นการรักษาผู้ป่วยเอชไอวีให้หายขาดได้ แต่สิ่งที่ค้นพบมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยได้มากขึ้นจากในอดีต โดยที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติหากเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องจากเแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนานี้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยเอชไอวีจากโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้มากถึง 42% นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 (Global HIV & AIDS statistics ; UNAIDS 2021)
และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้ออกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาและป้องกันเชื้อเอชไอวี พร้อมกับการอัปเดตการวิจัยรวมไปถึงผลการทดสอบการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ทำให้ทั่วโลกได้ทราบถึงแนวทางที่เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ของการเข้าถึงชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่สะดวกง่ายดายเป็นครั้งแรกของโลก
INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ผ่านการทดสอบในแคนาดา
เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกของประเทศแคนารวมถึงเป็นข่าวดีของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ที่จะได้เข้าถึงชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้ง่าย ๆ จากการตรวจที่บ้าน ซึ่งทาง bioLytical Laboratories ได้รับใบอนุญาตจาก Health Canada License ในการผลิตและจัดจำหน่ายชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่มีชื่อว่า “NSTI ® HIV Self Tests” สิ่งที่น่าสนใจคือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูงถึง 99% อีกทั้งยังทราบผลการตรวจได้ใน 1 นาทีเท่านั้น นับว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าชุดตรวจทั่วไปในขณะนั้น ที่สำคัญคือคนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจในสถานพยาบาลทั่วไป
INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สามารถใช้งานได้ง่ายเปรียบได้กับการทดสอบการตั้งครรภ์ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่ผ่านความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีและต้องการทราบสถานะเลือดของตนหรือคนรอบข้างอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ถือว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะเข้าถึงชุดตรวจเอชไอวีได้ง่ายกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีทราบผลได้เร็วขึ้นกว่าชุดตรวจทั่วไปถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลดีต่อด้านสุขภาพที่ดีขึ้นและลดการแพร่เชื้อเอชไอวีได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้มาตรฐานในไทยรายแรก
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และเรื่องชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีสาระสำคัญในการกำหนดคุณภาพมาตรฐานของชุดตรวจเอชไอวี ให้เป็นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของชุดตรวจระดับสากล โดย INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ปฏิบัติตามแนวทางหลักสากลและข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขของไทยทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใบอนุญาตจาก Health Canada License หลักเกณฑ์การผลิตตาม GMP (Good Manufacturing Practice) รวมไปถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดสำคัญในด้านการแสดงข้อบ่งใช้ชุดตรวจเอชไอวีอย่างละเอียดครบถ้วน เช่น วิธีการใช้ชุดตรวจเอชไอวี INSTI ,การเก็บรักษา, การอ่านผลตรวจ, ข้อควรระวัง, คำเตือน ฯลฯ ทั้งในรูปแบบของฉลาก การอธิบายของตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบการนำเสนอด้วยสื่อวิดีโอ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองอย่างถูกต้องและได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยำมากที่สุด

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI เหมาะกับใครบ้าง?
การเลือกใช้ชุดตรวจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีหรือ ผู้ที่มีความต้องการทราบสถานะเลือด ได้สามารถเข้าถึงการคัดกรองได้ง่ายมากที่สุด ซึ่ง ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI เหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยงโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ
- ผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ติดสารเสพติดที่ใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น
- ผู้ที่ต้องการทราบสถานะเลือดโดยไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัว
- ผู้ที่ไม่ต้องการเดินทางไปตรวจคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้น ณ สถานพยาบาล

ข้อแนะนำสำหรับการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI
สำหรับการตรวจเอชไอวีทั้งภายในสถานพยาบาล หรือการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นความสำคัญต่อการตรวจอย่างสม่ำเสมอและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อผลกระทบทุกองค์ประกอบอันเกิดจากเอชไอวี
การตรวจเอชไอวีด้วยตนเองเป็นชุดคัดกรองที่มีประสิทธิภาพสูงเชื่อถือได้
จากการพัฒนาทางการแพทย์ที่มุ่งหวังเพื่อลดอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก ด้วยการคิดค้นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองขึ้น ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงได้เข้าถึงการคัดกรองได้สะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศอนุญาตอย่างเป็นทางการ ให้วางจำหน่ายได้ในร้านขายยาและตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้จะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ต่าง ๆ ให้มั่นใจได้ว่าชุดตรวจมีคุณภาพเชื่อถือได้ โดยในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ได้ผ่านการรับรองจากประเทศแคนาดาตลอดจนหน่วยงานของไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงมั่นใจได้ว่าผลการตรวจที่ได้รับนั้นมีความแม่นยำอย่างแน่นอน
ศึกษารายละเอียดและการใช้งานอุปกรณ์อย่างละเอียด
ภายใน ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI มีเอกสารข้อบ่งใช้ให้ผู้ใช้ได้ศึกษาอย่างละเอียดก่อนการตรวจ โดยมีการระบุอย่างชัดเจนว่าอุปกรณ์และสารต่าง ๆ จะใช้ในขั้นตอนใดบ้าง ทั้งนี้จะมีการออกแบบชุดอุปกรณ์ให้สังเกตความแตกต่างได้ง่าย จึงมั่นใจได้ว่าหากปฏิบัติตามข้อบ่งใช้ที่แนบมาอย่างครบถ้วนย่อมได้รับผลการตรวจที่แม่นยำ
ควรตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อความแม่นยำหลังจากตรวจครั้งแรก 3 เดือน
จากเนื้อหาที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นเพียงชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น และเพื่อให้ผลการตรวจมีความแน่ชัดมากที่สุดผู้ตรวจควรทำการตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากนั้น 3 เดือน เนื่องจากบางกรณีอาจตรวจไม่พบเชื้อซึ่งมีสาเหตุมาจากยังอยู่ในระยะฟักตัวนั่นเอง
ไม่ควรใช้อุปกรณ์ที่พบความผิดปกติหรือชำรุดเสียหายในการตรวจ
ในกรณีที่ผู้ตรวจพบว่า ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มีความชำรุดหรือผิดปกติ เช่น แตก หัก บิดเบี้ยว หรือไม่มีเอกสารข้อบ่งใช้ภายในชุดตรวจ ผู้ตรวจไม่ควรใช้อุปกรณ์ดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจส่งผลให้ผลการตรวจเอชไอวีไม่มีความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง
หากประเมินแล้วว่าตนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ประกอบกับต้องการทราบผลเลือดเบื้องต้นโดยไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว การเลือกใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ในขณะนี้ ซึ่งชุดตรวจได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและแคนาดา จึงมั่นใจได้ว่าผลการตรวจมีความแม่นยำอย่างแน่นอน โดยสามารถสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ https://thailandhivtest.com/ และสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ได้สะดวกก่อนตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย